

08-2025
รถยนต์เป็นมากกว่ายานพาหนะสำหรับหลายคน เพราะนอกจากจะช่วยให้เราเดินทางได้อย่างสะดวกแล้ว ยังเป็นเหมือนเพื่อนคู่ใจในทุกเส้นทาง และสิ่งหนึ่งที่ผู้ใช้รถใช้ถนนต้องตระหนักถึงทุกครั้งที่ขับขี่คือ “ความปลอดภัย” บนท้องถนนที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุเล็กน้อยหรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน สำหรับคนขับรถยนต์เป็นประจำ “ความปลอดภัย” เป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้การดูแลสภาพเครื่องยนต์ และหนึ่งในวิธีสร้างความอุ่นใจที่ดีที่สุดก็คือ “การทำประกันภัยรถยนต์"
ประกันภัยรถยนต์ ความอุ่นใจคู่กับรถที่คุณรัก
ถ้าจะเปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ “ประกันรถ” ก็เหมือนร่มที่เราพกติดตัว แม้ในวันที่อากาศแจ่มใส เราอาจไม่เห็นความสำคัญของมัน แต่เมื่อฝนตกลงมา เราจะรู้ว่ามันช่วยปกป้องเราได้มากแค่ไหน การทำ “ประกันรถยนต์” ช่วยปกป้องทั้งรถยนต์และผู้ขับขี่ และยังคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของทั้งเราและผู้อื่น แบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายหากเกิดอุบัติเหตุ รวมไปถึงความเสียหายจากภัยธรรมชาติ หรือแม้แต่เหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างการถูกโจรกรรม เพื่อให้คุณขับขี่อย่างมั่นใจและลดความกังวลใจ “ประกันภัยรถยนต์” จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของรถไม่ควรมองข้าม
ประกันภัยรถยนต์คืออะไร
ประกันภัยรถยนต์ เปรียบเสมือนสัญญาระหว่างผู้เอาประกันภัย (เจ้าของรถ) กับบริษัทประกันภัย ที่ระบุว่าบริษัทประกันภัยจะให้ความคุ้มครองและชดเชยค่าเสียหายที่เกิดจากการใช้รถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายต่อรถยนต์ของผู้เอาประกันภัย รถยนต์ของคู่กรณี หรือแม้แต่ความเสียหายต่อร่างกายและชีวิตของบุคคลที่เกี่ยวข้อง ความคุ้มครองของประกันภัยรถยนต์ จะแตกต่างกันไปตามประเภทและเงื่อนไขการรับประกันภัยในกรมธรรม์ โดยเจ้าของรถจะต้องชำระ ค่าเบี้ยประกันภัย เพื่อแลกกับการได้รับความคุ้มครองตามข้อตกลงที่กำหนดไว้
ความสำคัญของประกันภัยรถยนต์
หลายคนอาจมองว่าการทำประกันภัยรถยนต์เป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น แต่ในความเป็นจริงแล้ว การทำประกันภัยรถยนต์ คือ การลงทุนเพื่อความปลอดภัยในระยะยาว ซึ่งเหตุผลสำคัญที่ควรทำประกันภัยรถยนต์ คือ
1. ลดภาระค่าใช้จ่ายมหาศาลที่อาจจะเกิดขึ้น หากเกิดอุบัติเหตุร้ายแรง ค่ารักษาพยาบาลอาจสูงถึงหลักแสน รวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการซ่อมรถยนต์ของผู้เอาประกันภัย หรือรถยนต์ของคู่กรณี การมีประกันภัยจะช่วยแบ่งเบาภาระตามความคุ้มครองหรือทุนประกันภัยที่ทำประกันภัยแต่ละประเภทไว้ได้
2. คุ้มครองทั้งผู้เอาประกันภัยและผู้อื่น ไม่ใช่แค่รถยนต์และชีวิตของผู้เอาประกันภัยเท่านั้น แต่ยังดูแลรถยนต์และชีวิตของคู่กรณีด้วย สร้างความมั่นใจในการขับขี่ ทำให้ขับรถอย่างสบายใจ เมื่อรู้ว่ามีหลักประกันรองรับ
3. ปฏิบัติตามกฎหมายพระราชบัญญัติความคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ หรือ พ.ร.บ. เป็น ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ ที่กฎหมายกำหนดให้รถยนต์ทุกคันต้องทำก่อนต่อภาษีรถยนต์ประจำปี เป็นข้อบังคับตามกฎหมายที่ผู้ขับขี่จะต้องมี โดยให้ความคุ้มครองพื้นฐานสำหรับผู้ประสบภัยจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร หรือบุคคลภายนอก โดยมุ่งเน้นคุ้มครองด้านชีวิตและร่างกาย เพื่อให้ผู้ประสบภัยได้รับการรักษาพยาบาลอย่างทันท่วงที
ประเภทของประกันภัยรถยนต์
ประเภทของประกันภัยรถยนต์ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
1. ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ (พ.ร.บ.) เป็นประกันรถ ที่กฎหมายกำหนดให้รถทุกคันต้องมี เพื่อคุ้มครองความเสียหายด้านชีวิตและร่างกายของบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากอุบัติเหตุทางรถยนต์
2. ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ เป็นการซื้อเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากขึ้น ทั้งรถเราและทรัพย์สินคู่กรณี รวมถึงกรณีสูญหาย ไฟไหม้ หรือภัยธรรมชาติ ตามแผนประกันภัยที่บริษัทประกันภัยนำเสนอให้กับผู้เอาประกันภัยรถยนต์
ประกันภัยรถยนต์ให้ความคุ้มครองอะไรบ้าง
1. ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับ หรือที่เรียกว่า พ.ร.บ. (พระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ) ให้ความคุ้มครองเฉพาะด้านชีวิตและร่างกายของผู้ประสบภัยจากอุบัติเหตุรถยนต์ มีรายละเอียดความคุ้มครองดังนี้
ความคุ้มครอง | วงเงินคุ้มครอง (บาท/คน) | |
---|---|---|
1. | จำนวนเงินค่าเสียหายเบื้องต้น ได้รับโดยไม่ต้องรอพิสูจน์ความผิด | |
1.1 ค่ารักษาพยาบาล จากการบาดเจ็บ (ตามจริง) | ไม่เกิน 30,000 | |
1.2 การเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ หรือทุพพลภาพอย่างถาวร | 35,000 | |
2. | ค่าเสียหายส่วนที่เกินกว่าค่าเสียหายเบื้องต้น สำหรับผู้ประสบภัย (จะได้รับภายหลังจากการพิสูจน์แล้วว่าไม่ได้เป็นฝ่ายละเมิด) | |
2.1 ค่ารักษาพยาบาล จากการบาดเจ็บ (ตามจริง) | ไม่เกิน 80,000 | |
2.2 การเสียชีวิต หรือทุพพลภาพอย่างถาวรสิ้นเชิง | 500,000 | |
2.3 สูญเสียอวัยวะ | ||
นิ้วขาด 1 ข้อขึ้นไป | 200,000 | |
สูญเสียอวัยวะ 1 ข้าง | 250,000 | |
สูญเสียอวัยวะ 2 ข้าง | 300,000 | |
2.4 ชดเชยรายวันๆละ 200 บาท รวมกันไม่เกิน 20 วัน กรณีเข้าพักรักษาพยาบาล ในสถานพยาบาล (ผู้ป่วยใน) | สูงสุดไม่เกิน 4,000 | |
หมายเหตุ:
|
2. ประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจ จะให้ความคุ้มครองครอบคลุมทั้งตัวรถยนต์คันที่เอาประกันภัยและความรับผิดต่อบุคคลภายนอก (ขึ้นอยู่กับประเภทที่เลือกซื้อ) โดยมีรายละเอียดดังนี้
2.1 ความคุ้มครองตัวรถคันที่เอาประกันภัย
- คุ้มครองการชนกับยานพาหนะทางบก
- การชนแบบไม่มีคู่กรณี
- คุ้มครองรถยนต์สูญหาย ไฟไหม้
- คุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว เป็นต้น
2.2 ความคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินบุคคลภายนอก
- ความเสียหายต่อชีวิต ร่างกาย อนามัย เช่น ค่ารักษาพยาบาล ค่าสินไหมทดแทนการเสียชีวิต และทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง
- ความเสียหายต่อทรัพย์สินบุคคลภายนอก เช่น รถยนต์ รั้วบ้าน และทรัพย์สินอื่นๆ ของบุคคลภายนอก ที่เกิดจากความประมาทของผู้เอาประกันภัย
นอกจากนี้ ยังครอบคลุมถึงความคุ้มครองต่อผู้ขับขี่และผู้โดยสารในรถยนต์คันที่เอาประกันภัย ดังนี้ :
- อุบัติเหตุส่วนบุคคล (Personal Accident)
- ค่ารักษาพยาบาล (Medical Expenses)
- การประกันตัวผู้ขับขี่ในคดีอาญา (Bail Bond)
ประกันภัยรถยนต์มีกี่แบบ
1. ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1
- ให้ความคุ้มครองครอบคลุม ทั้งตัวรถ และผู้เอาประกันภัย
- คุ้มครองความเสียหายจากการชนทุกประเภท
- คุ้มครองความเสียหายต่อตัวรถยนต์ทั้งสูญหาย ไฟไหม้
- คุ้มครองความเสียหายที่เกิดจากภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว เป็นต้น
- ความคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินบุคคลภายนอก
- เหมาะกับรถใหม่ รถที่มีมูลค่าสูง หรือรถที่มีอายุ 1 – 4 ปี รวมถึงผู้ที่ต้องการได้รับความคุ้มครองครอบคลุมทุกภัย
2. ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+
- คุ้มครองรถยนต์จากการชนกับยานพาหนะทางบกบนท้องถนนและครอบคลุมคู่กรณี
- ไม่คุ้มครองกรณีที่รถเราชนกับวัตถุที่ไม่ใช่ยานพาหนะทางบก เช่น เสาไฟ รั้ว หรือกำแพง
- จ่ายค่าซ่อมให้คู่กรณีเมื่อเราเป็นฝ่ายผิด
- คุ้มครองภัยจากน้ำท่วม รถยนต์สูญหายทั้งคัน และไฟไหม้
- มีทุนประกันภัยหลากหลายให้เลือกซื้อตามความต้องการ
- เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความคุ้มครองในราคาเบี้ยประกันภัยที่ไม่แพง
3. ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3+
- ความคุ้มครองคล้าย 2+ แต่จะไม่คุ้มครองรถยนต์สูญหายทั้งคัน และไฟไหม้
- ชดเชยความเสียหายต่อตัวรถและทรัพย์สินของคู่กรณีเมื่อเราเป็นฝ่ายผิด
- ไม่ครอบคลุมรถยนต์สูญหายทั้งคัน ไฟไหม้ และภัยธรรมชาติบางประเภท
- มีทุนประกันภัยหลากหลายให้เลือกซื้อตามความต้องการ
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการเสียค่าเบี้ยประกันภัยไม่สูงมากจนเกินไป
4. ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3
- คุ้มครองเฉพาะคู่กรณี ไม่คุ้มครองรถยนต์คันเอาประกันภัย
- เหมาะกับรถเก่าหรือรถที่ใช้งานน้อย
- คุ้มครองค่ารักษาพยาบาลทั้งผู้ขับขี่ และผู้โดยสาร
- ความคุ้มครองอุบัติเหตุส่วนบุคคล และทุพพลภาพถาวร
เลือกประกันภัยรถยนต์แบบไหนให้เหมาะกับคุณ
แผนประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจมีให้เลือกหลากหลายประเภท แล้วเราจะตัดสินใจได้อย่างไร ว่าควรเลือกแผนประกันภัยรถยนต์ประเภทไหนดีที่เหมาะสมกับเรา
1. หากรถของผู้ที่ต้องการเอาประกันภัยเป็นรถใหม่อายุไม่เกิน 4 ปีหรือมีมูลค่าสูง
เลือกประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เพื่อความคุ้มครองครบทั้งตัวรถยนต์ ผู้เอาประกันภัย รวมไปถึงคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินคู่กรณี ซึ่งจะคุ้มครองอุบัติเหตุที่เกิดจากทุกภัย
2. หากรถของผู้ที่ต้องการเอาประกันภัย เป็นรถที่มีอายุเกิน 4 ปีขึ้นไป รถใช้งานบ่อย แต่เสี่ยงไม่มาก รวมถึงต้องการประหยัดค่าเบี้ยประกันภัย
เลือกประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ หรือ 3+ ที่ความคุ้มครองเกือบเทียบเท่าชั้น 1 คุ้มครองชีวิตและรถยนต์ของผู้เอาประกันภัย สามารถเลือกทุนประกันภัยเองได้ ให้ความคุ้มครองคู่กรณี ช่วยลดความกังวลใจเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
3. รถเก่าเกิน 7 ปีขึ้นไป หรือใช้งานน้อย
เลือกประกันภัยรถยนต์ชั้น 3 เพื่อประหยัดค่าเบี้ยประกันภัย
เรื่องที่ควรรู้ก่อนและหลังทำประกันภัยรถยนต์
1. ผู้เอาประกันภัยต้องอ่านเงื่อนไขให้ละเอียด
ทำความเข้าใจในรายละเอียดความคุ้มครองเงื่อนไข และข้อยกเว้นที่บริษัทประกันภัยกำหนด เพื่อผลประโยชน์สูงสุดของผู้เอาประกันภัย
2. เลือกบริษัทประกันภัยที่เชื่อถือได้
เลือกบริษัทประกันภัยที่มีชื่อเสียง น่าเชื่อถือ รวมไปถึงมีบริการหลังการขายที่ให้คำปรึกษาและให้บริการที่เป็นมืออาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพิจารณาการเคลมประกันภัยที่รวดเร็ว
3. เก็บเอกสารกรมธรรม์และข้อมูลติดต่อฉุกเฉินในรถยนต์ และแจ้งเหตุทันทีเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
กรณีที่เกิดอุบัติเหตุ การติดต่อขอความช่วยเหลือจากบริษัทประกันภัยเป็นเรื่องที่จำเป็นและเร่งด่วน เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้เอาประกันภัยได้รวดเร็วที่สุด
เคล็ดลับการซื้อประกันภัยรถยนต์ให้คุ้มค่า
1. เปรียบเทียบหลายบริษัท ก่อนตัดสินใจซื้อ
2. เลือกความคุ้มครองที่ตรงกับการใช้งานจริง
3. ตรวจสอบ โปรโมชั่นจากบริษัทประกันภัย บัตรเครดิต หรือธนาคาร
4. อย่ามองแค่ราคาถูก ควรพิจารณาถึงความน่าเชื่อถือของบริษัทประกันภัยและการให้บริการอย่างมืออาชีพ
ประกันภัยรถยนต์ MSIG ทางเลือกที่ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการทำประกันภัยรถยนต์
แผนประกันภัยรถยนต์ MSIG มีแผนความคุ้มครองให้เลือกหลากหลาย ตอบโจทย์ ความต้องการของผู้เอาประกันภัยอย่างแท้จริง โดยเฉพาะเบี้ยประกันภัยที่เหมาะสมและคุ้มค่า อาทิเช่น
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 แผน MSIG Ultra Save
เบี้ยประกันภัยเริ่มต้นเพียง 8,000 บาท/ปี ให้ความคุ้มครองครอบคลุม และรับอายุรถถึง 20 ปี รถเก่าสามารถทำประกันรถยนต์ชั้น 1 ได้ มีทุนประกันภัยให้เลือกหลากหลาย และมีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน MSIG Roadside Assistance ตลอด 24 ชั่วโมงทั่วประเทศ
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ และ 3+ แผน MSIG Safe Guard
ให้ความคุ้มครองเทียบเท่าประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เบี้ยประกันภัยเริ่มต้นเพียง 6,500 บาท มีทุนประกันภัยหลากหลายให้เลือกซื้อตามความต้องการ เลือกได้ทั้งแบบ มี และ ไม่มีค่าเสียหายส่วนแรก และรับบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนMSIG Roadside Assistance ตลอด 24 ชั่วโมงทั่วประเทศ
ประกันภัยรถยนต์ชั้น 3
เหมาะสำหรับผู้ขับขี่ที่ต้องการความคุ้มครองในราคาประหยัด คุ้มครองชีวิต และทรัพย์สินของคู่กรณีที่เป็นฝ่ายถูกในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ รวมถึงความคุ้มครองค่ารักษาพยาบาลช่วยให้เข้ารับการรักษาพยาบาลที่จำเป็นได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ยังคุ้มครองการประกันตัวผู้ขับขี่ในคดีอาญา ด้วยเบี้ยประกันภัยเริ่มต้นเพียง 1,950 บาท
เพื่อความสะดวกในการติดต่อ สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน “MSIG SpeeDi” ได้ทั้งบน App Store & Play Store หรือ โทร 1259 หากมีเคลมประกันภัยรถยนต์ ก็สามารถเช็คสถานะเคลมออนไลน์ ตรวจสอบการนำจ่ายสินไหมได้สะดวกรวดเร็วผ่านช่องทางบริการออนไลน์ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม รวมไปถึงการเช็คสถานะนำรถเข้าซ่อมอู่หรือศูนย์บริการคู่สัญญาอย่าง Garage Tracking ได้ตลอด 24 ชั่วโมงเช่นกัน
ประกันภัยรถยนต์ ไม่ได้เป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น แต่เป็นการปกป้องทรัพย์สินและชีวิตของเราในทุกการเดินทาง เลือกให้เหมาะกับงบประมาณและความต้องการของคุณ เพื่อขับขี่อย่างมั่นใจและปลอดภัยในทุกเส้นทาง
ขับรถปลอดภัย ไม่กังวลใจ ไว้ใจ เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย ดูแผนประกันภัยรถยนต์ของ MSIG