

05-2025
การดูแลรถช่วงหน้าฝน เป็นสิ่งสำคัญที่เจ้าของรถทุกคนไม่ควรมองข้าม
เพราะสภาพอากาศที่ชื้นแฉะและน้ำฝนที่มากับฝุ่น สิ่งสกปรก หรือสารเคมีต่าง ๆ
สามารถส่งผลกระทบต่อรถของคุณได้โดยตรง ตั้งแต่ระบบเบรก ระบบไฟฟ้า ไปจนถึงสีรถและช่วงล่าง
บทความนี้จะพาคุณไปดู เทคนิคการดูแลรถหน้าฝน พร้อมวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้น เพื่อให้รถปลอดภัยและพร้อมใช้งานทุกสถานการณ์
ปัญหาที่พบบ่อย:
มองเห็นถนนไม่ชัดในขณะฝนตก
ใบปัดน้ำฝนเกิดเสียงเสียดสีหรือทิ้งคราบน้ำ
วิธีดูแล:
ใช้น้ำสบู่อ่อนเช็ดทำความสะอาดใบปัดน้ำฝนทุก 1-2 สัปดาห์
หากใบปัดเสื่อมสภาพ ให้เปลี่ยนทันทีเพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่
คำแนะนำเพิ่มเติม: เปลี่ยนใบปัดน้ำฝนทุก 6 เดือนหรือปีละ 1 ครั้ง
ปัญหาที่เกิดขึ้น:
ยางลื่น เบรกไม่อยู่ขณะถนนเปียก
ยางเสื่อมสภาพ ทำให้ประสิทธิภาพการยึดเกาะลดลง
วิธีดูแล:
ตรวจเช็กดอกยางว่าลึกเพียงพอ (ไม่ต่ำกว่า 3 มม.)
เติมลมยางให้พอดีกับค่ามาตรฐานที่ระบุไว้ในคู่มือรถ
คำแนะนำ: เลือกใช้ยางที่มีคุณสมบัติ "เกาะถนนดีในสภาพเปียก"
ปัญหาที่พบบ่อย:
เบรกช้า เบรกไม่อยู่ หรือมีเสียงเสียดสี
จานเบรกชื้นหรือเปียกน้ำ
วิธีดูแล:
หลังขับผ่านน้ำ ให้เบรกเบา ๆ เพื่อไล่น้ำออกจากจานเบรก
สังเกตเสียงผิดปกติและรีบนำรถเข้าเช็กที่ศูนย์บริการ
ปัญหาที่มักเกิดขึ้น:
ไฟหน้าหรือไฟท้ายดับเฉียบพลัน
สตาร์ทรถไม่ติดหลังลุยน้ำ
วิธีดูแล:
หลีกเลี่ยงการขับลุยน้ำที่ลึกกว่าครึ่งล้อ
หากน้ำเข้าห้องเครื่อง ห้ามสตาร์ทซ้ำ ควรเรียกรถยกทันที
ปัญหา:
คราบน้ำฝังแน่น สีรถหมองง่าย
ใต้ท้องรถเป็นสนิม
วิธีดูแล:
ล้างรถหลังฝนตกทันทีเพื่อล้างสารเคมีตกค้าง
เคลือบสีหรือเคลือบแก้ว และพ่นกันสนิมอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
ปัญหา:
น้ำรั่วเข้ารถ ทำให้เกิดกลิ่นอับชื้น
ยางเสื่อม ทำให้เสียงลมลอดเข้าห้องโดยสาร
วิธีดูแล:
ตรวจสอบซีลยางประตูและกระจกอย่างสม่ำเสมอ
ใช้น้ำยาเคลือบยางเพื่อเพิ่มความยืดหยุ่น และเปลี่ยนทันทีหากชำรุด
สรุป: การดูแลรถช่วงหน้าฝนอย่างถูกวิธี
การดูแลรถยนต์ในฤดูฝนไม่เพียงแต่ช่วยยืดอายุการใช้งานของรถ
แต่ยังช่วยป้องกันอุบัติเหตุจากถนนลื่นหรืออุปกรณ์ขัดข้อง
การตรวจเช็กระบบพื้นฐานและป้องกันปัญหาตั้งแต่เนิ่น ๆ จะช่วยให้คุณขับขี่ได้อย่างมั่นใจแม้ในวันที่ฝนตกหนัก
หากคุณกำลังมองหาบริการตรวจเช็กรถ การดูแลรถช่วงหน้าฝ หรือประกันภัยสำหรับรถยนต์ อย่าลืมติดตามโปรโมชั่นดีๆ
ประกันภัยรถยนต์ จากเอ็มเอสไอจีประกันภัย