
การปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในพันธกิจของเรา
ที่ MSIG เราพยายามพัฒนาสังคมและสร้างความมั่นคงในอนาคตให้กับโลก ด้วยการส่งมอบความปลอดภัยและความอุ่นใจให้กับผู้คน และในฐานะผู้ให้บริการด้านประกันภัย เราเห็นคุณค่าสำคัญในทุกสิ่ง เราตระหนักว่าการปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพเป็นสิ่งสำคัญพื้นฐานของระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์ เพราะความหลากหลายทางชีวภาพมอบทรัพยากรที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของคนเรา ไม่ว่าจะเป็นอาหาร น้ำ และยารักษาโรค ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือกุญแจสำคัญในการสร้างสังคมที่ยั่งยืนและการอยู่รอดของมนุษย์


การร่วมมือกับ
Conservation International
Asia-Pacific
MSIG ร่วมมือกับ Conservation International Asia-Pacific (CIAP) เพื่อปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ โดยสนับสนุนการอนุรักษ์ป่าไม้และมหาสมุทร การลงทุนในครั้งนี้เป็นการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาสภาพอากาศด้วยวิธีธรรมชาติ เพราะธรรมชาติมีส่วนช่วยลดการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศได้ถึง 30% โดยการกำจัดหรือหลีกเลี่ยงการปล่อยก๊าซคาร์บอน
ดูเพิ่มเติม


เราสร้างความแตกต่างในเอเชียได้อย่างไร


ระบบนิเวศกับเรา:
การเชื่อมโยงกันของธรรมชาติ
การร่วมกันปกป้องระบบนิเวศในวงกว้างเป็นการช่วยลดความเสี่ยงที่โลกใบนี้จะเผชิญกับความสูญเสียจากมหันตภัยร้ายแรง ระบบนิเวศคือพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่พืช สัตว์ และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ รวมถึงสภาพอากาศและภูมิประเทศ มีความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกัน พื้นผิวโลกทั้งหมดประกอบด้วยระบบนิเวศแบบต่างๆ ที่มีความเชื่อมโยงกันและกัน ยิ่งระบบนิเวศมีความหลากหลายมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสร้างคุณประโยชน์ให้มากเท่านั้น
คลิกบนระบบนิเวศแต่ละแบบทางขวามือเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม
ความเชื่อมโยงกันของธรรมชาติ:
ระบบนิเวศ
ของป่าไม้
ป่าไม้คือหนึ่งในระบบนิเวศที่มีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดบนโลก ป่าฝนเขตร้อนเป็นบ้านของสิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธุ์มากกว่าแหล่งที่อยู่อาศัยอื่นๆ และทั้งหมดต่างก็มีความเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านอาหาร การเจริญเติบโต การอยู่รอด ฯลฯ
ตัวอย่างเช่น:
ป่าไม้เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์นานาชนิด
สัตว์บางชนิดกินพืชเป็นอาหาร
พืชต้องการดินที่อุดมสมบูรณ์เพื่อเติบโต
เห็ดราช่วยย่อยสลายอินทรียวัตถุเพื่อเพิ่มแร่ธาตุอาหารในดิน
ต่อจากนี้ เราจะได้เห็นว่าป่าไม้ ตัวลิ่นซุนดา และปลวกมีความเชื่อมโยงกันอย่างไร และป่าไม้ส่งผลกระทบอย่างไรต่อมนุษย์บ้าง
ในระบบนิเวศของป่าไม้ ประกอบด้วยสิ่งมีชีวิตหลากหลายสายพันธุ์ ทั้งพืช แบคทีเรีย เห็ดรา แมลง นก สัตว์เลื้อยคลาน สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอย่างเช่น ชะนี เหยี่ยว เสือดาว นางอาย และอื่นๆ อีกมากมาย ป่าไม้หนึ่งตารางกิโลเมตรอาจเป็นแหล่งที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตกว่า 1,000 สายพันธุ์
ตัวลิ่นซุนดาที่อาศัยอยู่ในป่าของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ และในแต่ละปีสัตว์ชนิดนี้จะกินแมลงอย่างปลวกมากถึง 70 ล้านตัว
ถ้าไม่มีตัวลิ่นซุนดา ประชากรปลวกก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
และเมื่อประชากรปลวกเพิ่มขึ้น จะทำให้สุขภาพของป่าไม้อ่อนแอลง เหตุการณ์เช่นนี้จะส่งผล
กระทบต่อกิจกรรมทางการเกษตรของชุมชนในท้องถิ่น รวมถึง 1 ใน 4 ของประชากรที่ต้องพึ่งพาป่าไม้ในการดำรงชีวิตโดยตรง
ความเชื่อมโยงกันของธรรมชาติ:
ระบบนิเวศ
ในท้องทะเล
ระบบนิเวศในท้องทะเลเป็นระบบนิเวศที่มีขนาดใหญ่ที่สุดบนโลก และประกอบด้วยพืชและสัตว์หลากหลายสายพันธุ์ เช่น หญ้าทะเล ปะการัง ปลา ปลากระเบน เต่า ปลาพะยูน รวมไปถึงสาหร่ายเซลล์เดียว แพลงตอน และอื่นๆ อีกมากมาย ซึ่งสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ต่างก็ต้องพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน
ตัวอย่างเช่น เมื่ออุณหภูมิมหาสมุทรเปลี่ยนแปลง ก็จะส่งผลกระทบต่อพืชสายพันธุ์ต่างๆ ในทะเล ทำให้สัตว์ทะเลที่ต้องกินพืชเหล่านี้เป็นอาหาร หรือใช้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัย จะต้องปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ย้ายไปยังระบบนิเวศอื่น หรือสูญพันธุ์ไป ซึ่งการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะส่งผลต่อเราอย่างมหาศาลด้วยเช่นกัน
ในตัวอย่างนี้ เราจะเข้าใจว่าปลาฉลามมีบทบาทสำคัญต่อความอุดมสมบูรณ์ของมหาสมุทรอย่างไรบ้าง
ฉลามมีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศ เพราะเป็นสุดยอดนักล่าในทะเล อีกทั้งยังเป็นดัชนีวัดความ
อุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลด้วย
ฉลามช่วยสร้างความสมดุลระหว่างสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ต่างๆ และกำจัดปลาที่ป่วยและอ่อนแอออกไปจากฝูงปลาที่เป็นเหยื่อ เหลือไว้แต่ประชากรปลาที่แข็งแรงและสามารถเติบโตจนกลายมาเป็นอาหารของมนุษย์
เนื่องจากฉลามมีอิทธิพลต่อแหล่งที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิตในบริเวณกว้าง รวมถึงนิสัยการกินเหยื่อ จึงช่วยรักษาความอุดมสมบูรณ์ของหญ้าทะเลและแนวปะการังที่เป็นแหล่งที่อยู่ของสัตว์ทะเลทางอ้อมอีกด้วย
ความเชื่อมโยงกันของธรรมชาติ:
ระบบนิเวศ
ของป่าโกงกาง
ป่าโกงกางคือของขวัญจากธรรมชาติในการแก้ไขปัญหาสภาพอากาศ เพราะช่วยบรรเทาความรุนแรงของสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง โดยกักเก็บก๊าซคาร์บอนได้มากกว่าป่าประเภทอื่นๆ ถึง 3 เท่าไว้ในต้นไม้และตะกอนดินเลน ซึ่งเรียกกันว่า "บลู คาร์บอน" นอกจากนั้นแล้ว ป่าชายเลนยังกักเก็บคาร์บอนได้มากกว่าป่าไม้ทั่วไปถึง 4 เท่า ถึงแม้ว่าจะมีสัดส่วนป่าโกงกางเพียงแค่ 0.1% บนโลกเท่านั้น
ยิ่งไปกว่านั้น ระบบนิเวศของป่าโกงกางยังเป็นหนึ่งในระบบนิเวศที่สร้างคุณประโยชน์และมีความหลากหลายทางชีวภาพมากที่สุดบนโลกด้วย เพราะป่าโกงกางเป็นแหล่งที่อยู่สำคัญของสัตว์ทะเล เช่น ปลากะพง ปลาฉลาม พะยูน ปู และอื่นๆ อีกมากมาย ที่ต่างก็ต้องพึ่งพาอาศัยกันและกันเพื่อความอยู่รอด
ตัวอย่างนี้จะแสดงให้เห็นว่าป่าโกงกางสร้างอาหารให้กับปลาตามแนวปะกางรังได้อย่างไร
ป่าโกงกางเป็นระบบนิเวศที่สร้างคุณประโยชน์มหาศาล เพราะส่งเสริมความอุดมสมบูรณ์ของ
สารอาหาร ปลาตัวเล็ก และ
แพลงตอน
กระแสน้ำลงแต่ละครั้งจะพัดพาสารอาหารออกจากป่าโกงกางไปเป็นอาหารของแพลงตอน
และปลาตัวเล็กๆ มากมาย
แพลงตอนและปลาตัวเล็กเมื่อว่ายผ่านแนวปะการัง ก็จะกลายเป็นอาหารของปลาตามแนวปะการังทุกชนิด รวมไปถึงฉลามวาฬขนาดใหญ่ด้วย
ศูนย์รวมความรู้
ชมวิดีโอและอ่านบทความเหล่านี้ เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับความหลากหลายทางชีวภาพ
ความหลากหลายทางชีวภาพและคุณ
มุ่งสู่เป้าหมายเดียวกันในการปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ
มาดูกันว่าลูกค้าของเราดำเนินการตามนโยบายและหลักปฏิบัติทางธุรกิจอย่างไรบ้างเพื่อปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพและช่วยให้ธรรมชาติกลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง